พระพุทธเมตตา ณ เจดีย์พุทธคยา ประวัติและศรัทธาจากดินแดนชมพูทวีป สู่พุทธศาสนิกชนไทย
พระพุทธเมตตา สายใยแห่งศรัทธาจากพุทธกาล สู่เส้นทางที่ไม่มีสิ้นสุดของพระพุทธศาสนา
พระมหาโพธิเจดีย์พุทธคยา ตั้งอยู่ในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย พุทธสถานแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น 'พุทธภูมิ' ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อกำเนิดพระพุทธศาสนา เนื่องด้วยเป็นที่ตั้งสังเวชนียสถานที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับชาวพุทธทั่วโลก ‘พุทธคยา’ เป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นสถานที่ประทับเพื่อเสวยวิมุตติสุข คือ ความสุขอันเกิดจากการหลุดพ้น หลังการตรัสรู้นาน ๗ สัปดาห์
ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ คือต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ในช่วงเวลาตรัสรู้ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานของพระแท่นวัชรอาสน์ ซึ่งอาณาบริเวณโพธิมณฑลนี้ ถือเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าเป็น 'ปฐวีนาภีมณฑล' หรือ สะดือของโลก หมายถึง แผ่นดินที่สามารถรองรับการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าได้ทุกพระองค์
พระพุทธเมตตา องค์พระประธานในมหาโพธิเจดีย์พุทธคยา
ใจกลางเจดีย์ภายในมหาวิหาร คือ พระประธานปางมารวิชัย พระพักตร์สงบ อิ่มเอิบ เปล่งรัศมีเมตตา พระเนตรเหลือบต่ำมองเบื้องล่าง พระหัตถ์ขวาวางลงแนบพระชงฆ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้เหนือพญามาร พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา แสดงถึงจิตที่นิ่งสงบและแน่วแน่ ด้วยลักษณะปฏิมากรของพระพักตร์ที่โดดเด่น แสดงออกถึงความเมตตาอย่างเด่นชัด จึงมีพระสมัญญานามว่า 'พระพุทธเมตตา'
องค์พระพุทธเมตตา เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างมั่นคง เมื่อราว ๒๖๐ ปีก่อนคริสตกาล หรือ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓ พระเจ้าอโศกมหาราชทรงโปรดสร้างพระมหาโพธิเจดีย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงให้การอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนาไว้อย่างสูงสุด มีการสร้างพระพุทธรูปองค์สำคัญนี้ขึ้น และให้พระพุทธเมตตา เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ยังคงสถิตอยู่ท่ามกลางผู้ศรัทธา
ตำนานแห่งพุทธานุภาพของพระพุทธเมตตา
พลังแห่งศรัทธาหลั่งไหลสู่องค์พระพุทธเมตตาอย่างไม่ขาดสาย ในยุคที่พระพุทธศาสนาเฟื่องฟูอย่างสูงสุด จนถึงสมัยของพระเจ้าศศางกา กษัตริย์ฮินดู ผู้ครองนครเบงกอล เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้สั่งให้ทำลายพระพุทธศาสนา เพื่อไม่ให้ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรือง และฟื้นฟูขึ้นมาได้อีก
พระเจ้าศศางกายกกองทัพมา ณ โพธิมณฑล และสั่งทหารทำลายต้นพระศรีมหาโพธิ์ พร้อมขุดรากขึ้นมาเผาให้สิ้นซาก เมื่อเข้าไปในพระมหาเจดีย์ ก็เห็นองค์พระพุทธเมตตา ทรงวางแผนจะทำลาย แต่ไม่สามารถหักห้ามใจได้ลง เนื่องเพราะพระพักตร์ของพระประธานเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา จึงออกคำสั่งให้ทหารเป็นผู้ทำลายทิ้งแทน
ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธเมตตา แม้แต่ทหารก็ไม่กล้าทำลายองค์พระ จึงได้ซ่อนองค์พระปฏิมากรไว้เบื้องหลังกำแพงหนา แล้วจุดประทีปส่องสว่าง แสดงความเคารพบูชาองค์พระไว้ภายในแทน เมื่อทหารกลับไปรายงานพระเจ้าศศางกาว่า ได้ทำลายองค์พระพุทธเมตตาจนสิ้นหมดแล้ว แทนที่พระเจ้าศศางกาจะดีพระทัย แต่กษัตริย์ฮินดูกลับหวาดกลัวในอกุศลกรรม ภายหลังต่อมาพระเจ้าศศางกาได้ล้มป่วยลง ตามตำนานเล่าว่า พระวรกายของพระองค์เกิดการเน่าเปื่อย จนเนื้อหลุดเป็นชิ้นๆ เชื่อว่าเป็นผลกรรมจากบาปทำลายศาสนวัตถุ
หลังจากพระเจ้าศศางกาสิ้นพระชนม์ ทหารได้กลับไปยังพระมหาโพธิเจดีย์ และรื้อกำแพงออก มีเรื่องน่าอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นคือ ประทีบที่จุดบูชาไว้ ยังคงส่องแสงสว่างไสวอยู่ภายใน นับเป็นความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระพุทธเมตตาที่สร้างพลังแห่งศรัทธาได้อย่างล้ำลึก แม้แต่กับศัตรูก็มิอาจต้านทานสายพระเนตรที่เอื้ออารีขององค์พระได้เลย
พระพุทธเมตตา เส้นทางที่ไม่มีสิ้นสุดของพระพุทธศาสนา
พระมหาโพธิเจดีย์พุทธคยา ผ่านการถูกคุมคามจากภัยสงคราม ผ่านทั้งช่วงเวลาแห่งการเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา และผ่านการถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง อยู่ในสภาพย่อยยับ เห็นแล้วน่าใจหาย เมื่อครั้นศาสนาฮินดูเข้าครอบครองโพธิมณฑล
ชาวพุทธทั่วโลก แม้อยู่ห่างไกลออกไปนับร้อยโยชน์ แต่ก็มีความพยายามที่จะมาร่วมฟื้นฟูบูรณะเจดีย์พุทธคยามาโดยตลอด แต่ไม่สำเร็จ จนในปีพุทธศักราช ๒๔๓๓ เซอร์ เอ็ดวิน อาร์โนลด์ ผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้เผยแพร่คำร้องสำคัญผ่านหนังสือ มีใจความว่า "สถานที่แห่งนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์ และชาวพุทธทั้งโลกควรเป็นเจ้าของ" ได้ยื่นหนังสือต่อรัฐบาลอังกฤษที่เป็นเจ้าอาณานิคมของอินเดีย ขอคืนพระมหาโพธิเจดีย์พุทธคยาให้กับชาวพุทธ
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนาน ทั้งผู้แสวงบุญ ภิกษุสงฆ์ และคณะพุทธศาสนิกสากล ต้องพบกับความยากลำบาก เกิดอุปสรรคมากมายในการต่อสู้ ขอสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแห่งนี้คืนจากฮินดู เกือบ ๑๕๐ ปี ของความพยายามฟื้นคืนมหาโพธิเจดีย์ ในที่สุดอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งอินเดีย เยาวหราล เนรูห์ ก็ได้เชิญชวนประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาทั่วโลก มาสร้างวัดไว้ในดินแดนพุทธภูมิ เพื่อทำให้พระพุทธศาสนากลับมาเฟื่องฟูในดินแดนนี้ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีกครั้ง จอมพล แปลก พิบูลสงคราม อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้ตอบรับ และดำเนินการสร้างวัดในดินแดนพุทธภูมิเป็น ‘ชาติแรก’ ในอินเดีย
ชาวพุทธผู้มีหัวใจแห่งศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศในโลก ร่วมกันเดินทางมายังพุทธคยา เพื่อบูรณปฏิสังขรณ์มหาโพธิเจดีย์ นับพันนับหมื่นชีวิต ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และ แรงทุนทรัพย์ ในการฟื้นฟูมหาโพธิเจดีย์พุทธคยา สู่การเป็นหนึ่งในพุทธสถานที่สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนาในปัจจุบันกาล
กว่า ๑,๔๐๐ ปีล่วงไป พระพุทธเมตตา ณ เจดีย์พุทธคยาองค์เดิม องค์นี้ ยังคงฉายพระเนตรแห่งความเมตตา แด่พุทธบริษัทที่เข้าไปกราบสักการะอยู่เบื้องหน้าขององค์พระ โดยไม่เคยหยุดแม้เพียงวันเดียว พุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ ต่างแห่แหนมากราบสักการะพระพุทธเมตตา เพื่อรำลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และ พระมหากรุณาธิคุณ ที่พระพุทธเจ้าทรงอุทิศพระองค์ในการเสาะแสวงหา ปฏิบัติสั่งสม และประทานธรรมอันประเสริฐสูงสุด เพื่อเกื้อกูลเวไนยสัตว์ ให้พบหนทางแห่งความพ้นทุกข์ สู่แสงธรรมอันสว่างไสว
องค์พระประธาน พระพุทธเมตตา ณ ใจกลางพระมหาโพธิเจดีย์พุทธคยา เป็นเครื่องแสดงพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่เด่นชัดว่า แม้แสงประทีปจะริบหรี่เพียงใด แต่ศาสนาพุทธก็เจริญรุ่งเรืองมาได้อย่างมั่นคงนับพันปี และจะสืบสานพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าต่อไป ตราบนานเท่า
บูชาพระพุทธเมตตา สร้างปฏิหาริย์จากความเมตตา สู่มงคลแห่งชีวิต
พระพุทธเมตตาแห่งพุทธคยา เป็นศูนย์รวมของเมตตาจิต เชื่อว่าผู้จาริกแสวงบุญ หากได้มาสวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธเมตตาแล้ว จะสามารถสื่อสารกับพระพุทธะได้โดยตรงในภาวะสมาธิ ผู้ใดได้กราบนมัสการต่อหน้าองค์พระพุทธเมตตา จะได้รับพลังแห่งความเมตตา เกิดความสงบภายในจิตใจ บรรเทาความทุกข์ทางอารมณ์ได้ในทันที และหากผู้ใดป่วยหนักด้วยโรคไม่มีสาเหตุ ให้สวดมนต์และนั่งสมาธิเบื้องหน้าพระพุทธเมตตา เป็นเวลา ๗ วัน โรคภัยที่ไม่มีสาเหตุ จะดีขึ้นโดยพลัน
พระพุทธเมตตา มีพุทธคุณทำให้ผู้บูชาเป็นคนอ่อนโยน มีจิตใจดี และให้อภัยผู้อื่นได้ง่าย มีเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่เสมอ เมื่อเดือดร้อนมักจะมีคนช่วยเหลือ เสริมเมตตามหานิยม ทำกิจการใดก็มีผู้คนรักใคร่ เมตตาเอ็นดู ขอเพียงหมั่นระลึกถึงเมตตาธรรม ทำบุญ และช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความจริงใจ ชีวิตจะเป็นมงคลในทุกด้านอย่างแน่นอน
ในยุคที่โลกต้องการความเมตตามากที่สุด ผู้กราบสักการะองค์พระพุทธเมตตา จะสัมผัสได้ถึงเมตตาธรรมที่แผ่ขยาย โดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำใดเลย ยิ่งผู้ที่มีโอกาสสร้างพระพุทธเมตตา นอกจากเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่แล้ว ยังได้อานิสงส์ชีวิตมีความร่มเย็น จิตใจสงบ ปัญหาคลี่คลาย เสริมบารมีทั้งทางโลกและทางธรรม องค์พระพุทธเมตตาที่สร้างไว้ จะเป็นสื่อกลางแห่งบุญให้กับสาธุชนอีกนับหมื่นนับแสนคน
สร้างบุญใหญ่ สานต่อศรัทธา สร้างพระพุทธเมตตางานพุทธศิลป์วิจิตรงดงามถวายวัด กับ รุ่งเรืองพานิช โรงหล่อพระเสาชิงช้า – ศูนย์กลางแห่งศรัทธา พาท่านน้อมจิตเข้าหาบุญอย่างสบายใจ สร้างพระพุทธเมตตา ราคาจริงใจที่สุด การันตีผลงานโดยช่างหล่อพระฝีมือระดับตำนาน และบริการระดับมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 75 ปี
โรงหล่อพระรุ่งเรืองพานิช สืบทอดภูมิปัญญาการหล่อพระจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่สมัยกรุงเก่า ผ่านผลงานสร้างพระพุทธรูปนับพันองค์ ประดิษฐานในวัดและพุทธสถานสำคัญทั่วประเทศไทย และทั่วโลก รุ่งเรืองพานิช เราไม่ได้เป็นเพียงโรงหล่อพระ แต่เป็นผู้ร่วมสร้างมหากุศลไปพร้อมกับลูกค้าทุกท่าน ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ใช้เทคนิคการหล่อแบบโบราณ ผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ มั่นใจคัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพยอดเยี่ยมที่สุดเท่านั้น
สร้างพระกับรุ่งเรืองพานิช
ความใส่ใจในทุกผลงานที่ยืนยันได้จากลูกค้าผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ
“องค์พระพุทธรูปที่เราสร้างกับรุ่งเรืองพานิช งดงาม สง่างาม เป็นที่ศรัทธาของคนทั้งวัด” – คุณเนตรชนก จ.เชียงใหม่
“ประทับใจมากในบริการ ดูแลตั้งแต่ต้นจนจบ พิธีหล่อพระก็ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก” – คุณประภา ผู้มีจิตศรัทธา จ.นครราชสีมา
“หากจะสร้างพระอีกครั้ง ก็จะเลือกที่นี่เท่านั้น รุ่งเรืองพานิช” – คุณชัยวัฒน์ จ.ระยอง
ถวายองค์พระพุทธรูปที่มีความหมาย สร้างบุญใหญ่ที่ยั่งยืนกับ ร้านรุ่งเรืองพานิช ผู้เชี่ยวชาญด้านงานสร้างพระด้วยหัวใจที่ศรัทธา ติดต่อ คุณนุช (089-245-9949) และ คุณแนน (083-550-5936) เจ้าของร้านรุ่งเรืองพานิชรุ่นที่ 3 เพื่อบูชาพระพุทธเมตตา ราคาจริงใจที่สุด โดยไม่ผ่านคนกลาง
ร้านพระ เสาชิงช้า คลังพระพุทธรูป และเครื่องสังฆภัณฑ์แห่งแรกในเสาชิงช้าโดย รุ่งเรืองพานิช
โทรศัพท์ : 089-245-9949 , 083-550-5936 , 091-445-9495
LINE : https://line.me/ti/p/@rungruangpanich1
Facebook : https://www.facebook.com/rungruangsaochingcha
E-Mail : peerayatam@yahoo.com