รู้จักพระสีวลีปางต่าง ๆ บูชาให้ถูกแล้วยิ่งรวย เสริมโชคลาภ เรียกทรัพย์

กำเนิด 'พระสีวลี' พระอรหันต์ผู้มีลาภมาก บูชาท่านจักให้โชคลาภ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ

 

พระสีวลี หรือ พระสีวลีเถระ เป็นหนึ่งในแปดสิบพระอสีติมหาสาวกองค์สำคัญในสมัยพุทธกาล ที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องให้เป็นเอตทัคคะผู้มีลาภมาก ด้วยผลบุญกุศลกรรมที่ทำมาตั้งแต่อดีตชาติ เรื่องราวของพระสีวลี สอนพุทธศาสนิกชนให้ตระหนักถึงการทำบุญกุศลที่มีจิตตั้งมั่น สั่งสมบุญในสิ่งใดที่ขาดแคลน จักเป็นบุญกุศลใหญ่

พระสีวลี ผู้มาพร้อมโชคลาภและความโชคดี ตัวแทนของความร่ำรวย ความอุดมสมบูรณ์ เมื่อท่านเยื้องย่างสู่ที่ใด แม้ที่แห่งนั้นจะแห้งแล้งกันดารเพียงใด จะมีลาภสักการะเกิดขึ้นอย่างพรั่งพร้อมบริบูรณ์ ความโชคดีของท่านเผื่อแผ่ไปถึงผู้คนรอบข้าง พุทธศาสนิกชนหลายคนจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา เสาะแสวงหาบูชาองค์พระสีวลี เพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมโชคลาภ ให้ชีวิตพูนด้วยทรัพย์สมบัติ


กำเนิด 'พระสีวลี' พระอรหันต์ผู้มีลาภมาก

ในภพชาติที่พระพุทธเจ้าเป็นพระวิปัสสี พระบิดาที่ทรงเป็นกษัตริย์ได้ทรงเตรียมถวายทานไว้ เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์กว่า ๕๐๐ ร้อยรูป ทั้งยังป่าวประกาศให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญ ชาวบ้านในเมืองปรึกษากันว่า แม้เราจะเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ แต่ก็ต้องการถวายกุศลบุญอันยิ่งใหญ่ อยากถวายทานสิ่งของที่หาได้ยาก และยังไม่เคยถวายมาก่อน ชนิดที่ว่าใครก็พูดไม่ได้ว่าสิ่งนี้ไม่ได้มีในทานของพวกเขา และสรุปว่ายังขาด "น้ำผึ้งดิบ" ซึ่งเป็นของหายากมากในกาลนั้น หาทั้งเมืองแล้วก็ยังไม่เจอน้ำผึ้งแม้หยดเดียว จึงส่งคนไปดักรอซื้อน้ำผึ้งหน้าประตูเมืองทั้ง 4 ทิศ โดยให้ค่าแรงสูงถึงคนละ ๑,๐๐๐ กหาปณะ ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่สูงมาก เพราะเพียง ๑๒ กหาปณะ ก็สามารถซื้อวัวได้ทั้งตัวแล้ว

ในตอนนั้นพระสีวลีได้เกิดเป็นชาวบ้านแถบชนบทที่อาศัยอยู่ไม่ไกลจากเมืองนัก ระหว่างทางเข้าเมืองได้บังเอิญเห็นรวงผึ้ง รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก จึงตัดกิ่งรวงผึ้งและเดินถือเข้าไปในเมือง ตั้งใจว่าจะเอารวงผึ้งไปฝากคนในเมือง ระหว่างทางมีชาวบ้านเสนอซื้อรวงผึ้งของพระสีวลีเป็นจำนวน ๑ กหาปณะ พระสีวลีสงสัยเหตุใดรังผึ้งจึงมีมูลค่าสูงเช่นนี้ จึงเสนอต่อราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ ตอนนั้นเองที่พระสีวลีตระหนักได้ว่ารวงผึ้งนี้น่าจะเป็นของที่มีมูลค่ามาก สอบถามชาวบ้านว่าเหตุใดจึงต้องการรังผึ้งมากเช่นนี้ ชาวบ้านจึงได้เล่าเกี่ยวกับพระวิปัสสีพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์ พระสีวลีเกิดความเลื่อมใส อยากถวายรวงผึ้งนี้ด้วยตัวเอง จึงฝากชาวบ้านไปบอกคนในเมืองว่า มีหนุ่มคนหนึ่งมีรวงผึ้ง แม้จะขายได้ราคาดีแค่ไหนก็จะไม่ยอมขาย แต่จะขอถวายแก่พระพุทธเจ้าด้วยมือของเขาเอง ชาวบ้านรู้จึงต่างขออนุโมทนาสาธุการ

ถึงเวลาพระสีวลีได้ถวายน้ำผึ้งแด่พระพุทธเจ้า พร้อมกราบทูลว่า “สิ่งนี้เป็นบรรณาการของคนยากเช่นข้าพระองค์ ขอทรงรับบรรณาการนี้ด้วยเถิด” พระพุทธเจ้าทรงรับไว้ และได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า เมื่อพระสีวลีถวายน้ำผึ้งแด่หมู่สงฆ์ ๕๐๐ รูป ขออย่าให้น้ำผึ้งนี้หมดไป จนกว่าพระสีวลีจะถวายน้ำผึ้งได้ครบทุกรูป และด้วยพุทธานุภาพของพระวิปัสสี ก็เป็นดังเช่นนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

เมื่อถวายน้ำผึ้งครบทุกองค์ พระสีวลีได้อธิษฐานขอให้ตนเป็นผู้เลิศในลาภ จากนั้นพระสีวลีก็ตั้งใจทำบุญทำทาน จวบจนหมดสิ้นอายุขัยในชาติภพนั้น มาจนถึงภพสุดท้าย พระสีวลีได้มาประสูติในครรภ์ของพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาของพระเจ้ากรุงโกลิยะ ด้วยอำนาจทานบารมีของโอรสในพระครรภ์ ทำให้พระนางสุปปวาสามีลาภสักการะหลั่งไหลเข้ามาเป็นที่เลื่องลือ พรั่งพร้อมด้วยบรรณาการเช้าเย็นทีละ ๕๐๐ เกวียน ชาวนาคนไหนอยากเพาะปลูกได้ผลดี ก็จะนำข้าวมาให้พระนางสุปปวาสาจับ และนำไปหว่านไถ ข้าวก็จะออกรวงดี ว่ากันว่าข้าวหนึ่งรวงออกเป็นร้อยเป็นพันเมล็ด

แต่พระนางสุปปวาสาก็จำต้องพบกับความยากลำบาก นั่นคือพระนางทรงตั้งครรภ์นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน บุตรไม่ยอมคลอดเสียที เมื่อใดที่พระนางปวดพระครรภ์มาก พระนางจะนึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ความเจ็บปวดก็จะทุเลาลงบ้าง จนวันหนึ่งความเจ็บปวดของพระนาง เหมือนจะพรากชีวิตของพระนางไป จึงได้ขอให้พระสวามีไปทูลนิมนต์พระศาสดา พระพุทธเจ้าจึงได้ให้พรพระนางว่า "ขอพระนางสุปปวาสาจงมีความสุข หาโรคมิได้ จงประสูติพระกุมารผู้ปราศจากโรคเถิด"

พระนางสุปปวาสาได้ให้กำเนิดทารกนามว่า 'สีวลี' แปลว่า ผู้นำความเกษมสำราญมาสู่หมู่ญาติ พระสีวลีได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระสารีบุตรด้วยอายุขัยเพียง ๗ วัน ก็สามารถสนทนาได้แล้ว พระนางสุปปวาสาอนุญาตให้พระสารีบุตรพาพระสีวลีออกบวช พระสารีบุตรได้สอนตจปัญจกกรรมฐาน และในขณะบวชให้พระสีวลีนึกถึงความทุกข์ในครรภ์ของพระมารดามาตลอด ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน อันเกิดจากกรรมเก่าที่เคยกระทำไว้ในชาติภพก่อน เมื่อพระสารีบุตรจดมีดไปที่พระเศียร พระสีวลีได้บรรลุโสดาบัน เมื่อมีดปลงพระเกศาถึงครึ่งได้บรรลุสกทาคามี ปลงพระเกศาสามในสี่ของพระเศียรบรรลุอนาคามี พอโกนสำเร็จทั้งพระเศียร พระสีวลีได้บรรลุพระอรหันต์ในบัดนั้น

พระพุทธเจ้าประทานตำแหน่งเอตทัคคะ ผู้เป็นเลิศในทางลาภ ให้แก่พระสีวลี หลังพระสีวลีออกบวชได้มีลาภสักการะปัจจัย ๔ เกิดขึ้นกับท่านมากมาย จะเดินทางไปที่ใดก็พรั่งพร้อมด้วยบริวารทุกสิ่ง ที่เป็นเช่นนี้เพราะพระสีวลีได้ตั้งความปรารถนาว่าอยากเป็นผู้มีลาภมาก และสั่งสมบุญกุศลมาโดยตลอดทุกชาติภพ จึงได้บรรลุอรหันต์เป็นพระสีวลี ที่พรั่งพร้อมด้วยความบริบูรณ์ เผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้าง


รู้จักพระสีวลีปางต่างๆ

พระสีวลีถูกยกย่องให้เป็นพระอรหันต์แห่งโชคลาภ พุทธศาสนิกชนไทยสักการะกราบไหว้บูชามาช้านาน ผู้ใดมีองค์พระสีวลีไว้บูชา จะทำกิจการใดก็เจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้า โชคลาภไหลมาเทมา ไม่ขัดสน มีเงินใช้อย่างไม่ขาดมือ
องค์พระสีวลีริเริ่มสร้างในช่วงก่อนปี ๒๕๐๐ ได้ไม่นาน โดยได้รับต้นแบบมาจากการสร้างรูปพระสีวลีของพม่า โดยองค์พระสีวลีนั้นมีอยู่หลายปาง และปางที่ชาวไทยพุทธเราคุ้นเคยกันดีมีอยู่ ๒ ปางคือ พระสีวลีปางธุดงค์ และพระสีวลีปางอุ้มบาตร

๑. พระสีวลีปางธุดงค์ องค์พระอยู่ในท่าย่างก้าว ครองจีวรพระภิกษุ มือขวาถือไม้เท้า มือซ้ายแบกกลดไว้เหนือบ่า สะพายบาตร, ย่าม และกาน้ำ
สัญลักษณ์ในองค์พระสีวลีล้วนมีความหมาย บาตรหรือกาน้ำ หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมอยู่เสมอ, ย่าม หมายถึงความพร้อมด้วยปัจจัย ใช้เก็บเล็กผสมน้อยอยู่เสมอ จึงทำให้มีอย่างไม่ขาด, ไม้เท้า หมายถึงการได้รับความอุปถัมภ์ค้ำจุน มีความช่วยเหลือเข้ามาหา และกลด หมายถึงความร่มเย็นเป็นสุข ได้รับการคุ้มครอง

๒. พระสีวลีปางอุ้มบาตร หรือปางจกบาตร องค์พระอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ มือซ้ายอุ้มก้นบาตร มือขวาล้วงลงไปในบาตร ความหมายของพระสีวลีปางอุ้มบาตร คือความอุดมสมบูรณ์ที่พรั่งพร้อมอยู่ตลอดเวลา การสร้างองค์พระสีวลีในท่าขัดสมาธินี้ ได้รับอิทธิพลมาจากความนิยมพระสีวลีในประเทศศรีลังกา


บูชาพระสีวลี ท่านจักให้โชคลาภ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ

มีการเล่าขานเกี่ยวกับการบูชาพระสีวลีว่า สิ่งที่ควรนำมาถวายท่านคือ "น้ำผึ้ง" หากไม่สามารถถวายน้ำผึ้งได้ทุกวัน ให้กระทำการถวายน้ำผึ้งในทุกๆ วันพฤหัสบดีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมด้วยดอกไม้ ธูปเทียน และผลไม้ที่มีสีสันสวยงาม ชื่อผลไม้มีความเป็นสิริมงคล เลือกดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมหวล หรือดอกบัวที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา จำนวน ๕ ดอก หรือ ๙ ดอก ใช้ธูป ๓ ดอก และเทียนเพียง ๑ เล่ม

หัวใจสำคัญของการบูชาพระสีวลี คือความมานะอุตสาหะในการทำบุญด้วยจิตศรัทธาที่มีอย่างแรงกล้า ดังเช่นที่พระสีวลีได้กระทำมาในทุกๆ อดีตชาติ แม้ของที่ถวายให้จะมีราคาไม่สูง แต่จะเป็นการถวายที่ทรงคุณค่า หากของสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผู้รับขาดแคลน เสมือนการได้หยดน้ำ เมื่ออยู่ท่ามกลางทะเลทราย หรือได้อาหารในยามหิวโหย ไร้ที่พึ่ง

หากคุณเป็นอีกคนที่สนใจอยากเช่าบูชาองค์พระสีวลี หรือต้องการสร้างพระสีวลีถวายวัดเพื่อเป็นพุทธบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต เสริมโชคลาภ เรียกทรัพย์ให้มีใช้อย่างไม่ขาดมือ ร้านรุ่งเรืองพานิช ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่าน ให้เข้ามาชมความประณีตสวยงามของการหล่อองค์พระสีวลี ที่ถูกต้องตามพุทธลักษณะ รุ่งเรืองพานิช ร้านพระเสาชิงช้า ร้านขายพระพุทธรูปที่อยู่คู่กับพุทธศาสนิกชนไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ โรงหล่อพระเสาชิงช้าเจ้าเก่าแก่ โดยช่างหล่อพระผู้เชี่ยวชาญในวงการนานกว่า ๗๐ ปี

ร้านรุ่งเรืองพานิช จำหน่ายพระสีวลีปางธุดงค์หลายขนาด และหลายรูปแบบ ตามความเหมาะสมของสถานที่ของท่าน อาทิเช่น พระสีวลีปางธุดงค์ ทองเหลืองทั้งองค์, พระสีวลีปางธุดงค์ รมมันปูทั้งองค์ หรือพระสีวลีปางธุดงค์ รมมันปูสลับสีทองคำ ตั้งแต่ขนาดบูชาบนหิ้ง จนถึงขนาดใหญ่ ๒-๓-๔ เมตร สำหรับถวายวัด

คุณนุชและคุณแนน เจ้าของร้านรุ่งเรืองพานิช ขออนุโมทนาบุญด้วยความยินดีให้ทุกท่านได้สร้างองค์พระสีวลีในราคาสุดย่อมเยา พร้อมยินดีให้คำแนะนำปรึกษา สอบถามองค์พระสีวลี ราคา และราคาพระพุทธรูปปาง อื่นๆ ที่ท่านสนใจสักการะบูชา ร้านรุ่งเรืองพานิช มีงานพุทธศิลป์มากมาย หลายประเภท พร้อมบริการจัดส่งองค์พระพุทธรูปทั่วประเทศไทย และในต่างประเทศทั่วโลก


ร้านพระ เสาชิงช้า คลังพระพุทธรูป และเครื่องสังฆภัณฑ์แห่งแรกในเสาชิงช้าโดย รุ่งเรืองพานิช

หากท่านกำลังมองหาข้อมูลพระประธาน พระทรงเครื่องจักรพรรดิ พระสีวลี พระพุทธชินราช ราคา ราคาพระพุทธรูป 40 นิ้ว ราคา พระนาคปรก ราคา สมเด็จองค์ปฐม ราคา พระพุทธรูป หน้าตัก 4 ศอก ราคา ราคาพระพุทธ รูป 100 นิ้ว ราคา รุ่งเรืองพานิช โรงหล่อพระเสาชิงช้า สร้างสรรค์ผลงานแห่งศรัทธา ปั้นบุญตามสัดส่วนตำราโบราณ ถูกต้องตามหลักพุทธบัญญัติ ยินดีให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ ให้คุณทำบุญได้อย่างสบายใจ ในราคาย่อมเยา มีบริการจัดส่งทั่วไทยและทั่วโลก

โทรศัพท์ : 089-245-9949 , 083-550-5936 , 091-445-9495
LINE : https://line.me/ti/p/@rungruangpanich1
Facebook : https://www.facebook.com/rungruangsaochingcha
E-Mail : peerayatam@yahoo.com